กิน พารา เกิน ขนาด
สรุปง่ายๆ สั้นๆ ก็คือ ห้าม! ห้าม! และห้าม! ให้ยาพาราเซตามอลกับน้องหมาน้องแมวเองเด็ดขาด การรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆในสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะดูเล็กน้อยอย่างไร ก็ควรนำไปรักษากับสัตวแพทย์ตั้งแต่แรก จะได้ไม่เป็นการเผลอซ้ำเติมอาการเจ็บของน้องแบบไม่ได้ตั้งใจ และสิ่งสำคัญผู้ปกครองส่วนใหญ่มักจะลืมนึกกันก็คือ เราควรต้องเก็บกล่องยาสามัญประจำบ้านไว้ให้พ้นเงื้อมมือความซุกซนของเด็กๆ ที่บ้านด้วยล่ะ Lifemate ฝากเตือนด้วยความหวังดี
- พาราควรกินกี่เม็ด - สุขภาพดีดี - HealthDD
- 8 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการใช้ยา
- อย่าหาทำ "กินยาดัก-รวบมื้อ" เสี่ยงรับเกินขนาดทั้งยังไม่ช่วยป้องกันโรค : PPTVHD36
- หมาแมวกินยาพาราได้ไหม? - lifematewellness
พาราควรกินกี่เม็ด - สุขภาพดีดี - HealthDD
"ยา" เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ ที่ช่วยในการรักษา บรรเทา หรือป้องกันโรคและอาการป่วยต่างๆ ทำให้ร่างกายรู้สึกดีขึ้นตามฤทธิ์และสรรพคุณของยา เช่น ช่วยบรรเทาอาการปวด ลดความดันโลหิต รักษาการติดเชื้อ ฯลฯ หลักการใช้ยานั้น ควรใช้ยาอย่างถูกวิธี ตามขนาดและระยะเวลาของการรักษา ที่เภสัชกรหรือแพทย์แนะนำ แต่หลายครั้งที่ความเข้าใจผิด ความไม่รู้ รวมถึงความเชื่อผิดๆ อาจส่งผลให้การใช้ยาก่อให้เกิดอันตรายได้ เช่น เกิดผลข้างเคียงเนื่องจากได้รับยาเกินขนาดหรือยาหลายตัวออกฤทธิ์ต้านกัน อาจเกิดอาการแพ้ยา ตั้งแต่อาการเล็กน้อยจนถึงรุนแรงถึงแก่ชีวิต หรืออวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บจากยา โดยเฉพาะตับ ไต กระเพาะอาหาร และสมอง 1. กินยาดัก เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ความเชื่อยอดนิยมที่ว่า หากรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ให้กินยาดักไว้ก่อน โดยคิดว่ายาจะสามารถป้องกันไข้หวัดได้ โดยเฉพาะการกินยาพาราเซตามอลหรือยาลดไข้ชนิดอื่นๆ ในความจริงนั้น ยาเหล่านี้มีฤทธิ์บรรเทาอาการปวด ลดไข้ แต่ไม่ได้มีสรรพคุณในการป้องกันอาการป่วย ดังนั้น การกินยาดักไข้ตอนที่ยังไม่มีอาการจึงไม่สามารถช่วยป้องกันการเป็นไข้ได้ อีกทั้งยาทุกชนิดมีผลข้างเคียง และอาจเกิดอันตรายหากกินติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะยาพาราเซตามอล ขนาด 500 มิลลิกรัม หากกินเกินวันละ 8 เม็ด ติดต่อกันเกิน 5 วัน จะส่งผลให้ตับทำงานหนัก จนเซลล์ตับถูกทำลาย และมีโอกาสเกิดภาวะตับอักเสบได้ในที่สุด 2.
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพาราเซตามอล คือยาสามัญประจําบ้านที่หาซื้อได้ง่าย ทำให้คนส่วนใหญ่เลือกรับประทานมากที่สุด พาราเซตามอล นอกจากเป็นยาที่ช่วยเรื่องภาวะปวด ลดไข้ แต่หากกินเกินปริมาณ หรือกินพร่ำเพรื่อ ก็ส่งผลร้ายต่อร่างกายและทำร้ายตับ จนกลายเป็นภาวะตับอักเสบได้. ยาพาราเซตามอล ทำร้ายตับได้อย่างไร? เนื่องจากตับ เปรียบเสมือนโรงงานศูนย์กลางของร่างกาย และมีหน้าที่กำจัดของเสียและสารพิษ เมื่อร่างกายได้รับพาราเซตามอล เข้าไปจะเกิดกระบวนการเมตาบอลึซึมและถูกเปลี่ยนให้อยู่ในรูปของสาร NAPQI (N-acetyl-p-benzoquinone imine) เป็นสารที่ทำให้เกิดพิษต่อตับ ซึ่งถ้าทานยาพาราในปริมาณมากเกินไป หรือบ่อยเกินไปจนเกิดการสะสม จะทำให้เกิดภาวะ oxidative stress หรือภาวะความไม่สมดุลของการเกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งถ้าตับนั้นไม่มีความสามารถที่จะกำจัดออกได้อย่างทันท่วงที จะทำให้ตับเกิดความเสียหายได้. พฤติกรรมการทานยาพาราเซตามอลที่เสี่ยงตับพัง คือ 1. ไม่มีป่วย หรือไม่มีภาวะใดๆ แต่ทานยาดักภาวะไว้ก่อน 2. ปวดนิดหน่อย ก็ทานยาจนเคยชิน 3. ทานยาแก้ปวดติดต่อกันเกิน 5 วัน หรือทายาลดไข้เกิน 3 วัน ต่อสัปดาห์ 4. ไม่ควรกินยาพาราร่วมกับแอลกอฮอล์ เพราะเสี่ยงตับอักเสบมากขึ้น.
อย. เตือน 'พาราเซตามอล'ยาอันตราย คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ที่ผ่านมาคนไทยส่วนใหญ่มักมีความเข้าใจว่า "พาราเซตามอล" ซึ่งเป็นยาพื้นฐานที่สามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาทั่วไปนั้น เป็นยาที่สามารถรักษาได้ทุกอาการปวด และดูเหมือนจะไม่มีอันตรายใดๆ จึงทำให้ยาชนิดนี้กลายเป็นยาที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะการรักษาอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยที่เกิดขึ้นกับร่างกาย แต่ในความเป็นจริง "พาราเซตามอล" ถือเป็นยาชนิดหนึ่งที่อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายผู้ใช้อย่างคาดไม่ถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งล่าสุด คณะกรรมการอาหารและยา (อย. )ออกมาเตือนผู้ที่นิยมใช้ยา "พาราเซตามอล" ในการรักษาอาการเจ็บป่วยด้วยตัวเองว่า หากใช้ไม่ถูกวิธี อาจถึงขึ้นทำให้เกิดอาการตับวายและเสียชีวิตได้ในที่สุด น. พ. พงศ์พันธ์ วงศ์มณี รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย. ) ออกมาเตือนคนไทยที่นิยมใช้ ยาพาราเซตามอล ในการรักษาอาการเจ็บป่วยด้วยตัวเองอีกครั้ง เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า พบว่าคนไทยจำนวนมากมักนิยมใช้ยาชนิดนี้ ซึ่งหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย โดยเฉพาะอาการปวดต่างๆ ด้วยตัวเอง เนื่องจากเข้าใจผิดว่า "พาราเซตามอล" จะสามารถรักษาอาการปวดได้ทุกชนิด ซึ่งถือว่าเป็นความเข้าใจผิดเป็นอย่างมาก เนื่องจากยาแก้ปวดแต่ละชนิดมีประสิทธิภาพในการรักษา และความปลอดภัยในการใช้ยาแตกต่างกัน ระบุยาแก้ปวดมี 2 กลุ่มใช้ต่างกัน น.
8 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการใช้ยา
รักหมอ เมดิคอล) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์การแพทย์ ของใช้ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ และคนพิการ แบบครบวงจร
กินยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวดขั้นเบาถึงปานกลาง อธิบายง่าย ๆ คือมีอาการปวดแต่ยังทำกิจวัตรประจำวันได้ไหว เคสนี้สามารถกินยาพาราเซตามอลขนาด 500 มิลลิกรัม 1-2 เม็ด (ผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 50 กิโลกรัมควรรับประทานพาราเซตามอลครั้งละ 1 เม็ดเท่านั้น) ถ้ายังไม่หายสามารถกินยาซ้ำได้อีกภายใน 6 ชั่วโมงต่อมา 2. ในกรณีที่กินยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้ ให้กินยาพาราเซตามอลขนาด 500 มิลลิกรัม 1-2 เม็ด ซ้ำทุก 4-6 ชั่วโมงในกรณีที่อาการยังไม่ดีขึ้น ทว่าหากภายใน 3 วันอาการไข้ยังไม่หาย ควรต้องพบแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป 3. หากใช้ยาบางชนิดอยู่แล้วควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนกินยาพาราเซตามอล เพราะยาบางชนิดอาจทำให้พิษต่อตับของยาพาราเซตามอลเพิ่มขึ้น เช่น ยารักษาวัณโรค หรือยารักษาโรคลมชัก เป็นต้น 4. ห้ามกินยาพาราเซตามอลขนาด 500 มิลลิกรัม เกิน 8 เม็ดต่อวัน และไม่ควรกินยาพาราเซตามอลติดต่อกันเกิน 5 วัน 5. ห้ามใช้ยาพาราเซตามอลในผู้ป่วยโรคตับ และผู้ป่วยโรคพิษสุราเรื้อรัง 6.
ข้อมูลอ้างอิง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลับมหิดล: Sanook: โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์:
อย่าหาทำ "กินยาดัก-รวบมื้อ" เสี่ยงรับเกินขนาดทั้งยังไม่ช่วยป้องกันโรค : PPTVHD36
ไขความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการกินยา กินดัก-รวบมื้อ-กินเกินขนาด นอกจากจะตับพังยังไม่ช่วยป้องกันโรค ยารักษาโรคช่วยในการรักษา บรรเทา หรือป้องกันโรคและอาการป่วย รวมถึงความผิดปกติต่าง ๆ ในร่างกาย ซึ่งการกินยาตามแพทย์สั่งจะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพและไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย แต่หลายครั้งที่เกิดความเข้าใจผิด ความไม่รู้ รวมถึงความเชื่อผิดๆ ที่บอกต่อ ๆ กันมา เช่น กินยาดัก กินรวบมื้อ กินยาเกินขนาด ซึ่งความเชื่อเหล่านี้ หากทำตามจะทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายภายหลัง เปิด 6 เคล็ดลับกินยาให้ได้ผลตรงจุดมีประสิทธิภาพรักษาโรค กิน "พาราฯ" ให้ปลอดภัย ใช่ "2 เม็ด ทุก 4-6 ชม. "
![](https://www.tvpoolonline.com/wp-content/uploads/2019/09/70231890_1517126678429592_7125581740290080768_n.jpg)
หมาแมวกินยาพาราได้ไหม? - lifematewellness
นพ. ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ผู้ที่มีอายุน้อยหรืออยู่ในวัยทำงานหลังฉีดวัคซีนโควิด "แอสตร้าเซนเนก้า" จะมีโอกาสเป็นไข้ ไม่สบายตัว ปวดเมื่อยตัวคล้ายไข้หวัดใหญ่ มากกว่ากลุ่มผู้สูงอายุหลังฉีดวัคซีน ฉะนั้นให้เตรียมยาพาราเซตามอล และให้รับประทานเมื่อกลับถึงบ้าน ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ
- บริษัท West Japan Railway - ข้อเสนอตั๋วและบัตรโดยสารประเภท Pass
- ม.เกษตร บางเขน 64 รอบ2
- ปวดไม่จริง อย่ากินพาราฯ พร่ำเพรื่อ "อันตรายตับพัง" ไม่ทันตั้งตัว - www.livplusthailand.com
- 8 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการใช้ยา
- กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
- ยาพาราเซตามอล กินดักไว้ก่อน ได้? จริงหรือ? - PUDTAN.com
![กินพาราเกินขนาด](https://s359.kapook.com/pagebuilder/eb13059a-61b6-45ff-91f9-a600013ed6b0.jpg)
ยาพ่นละลายเสมหะ สำหรับยาพ่นละลายเสมหะ เป็นยาที่ใช้พ่นเมื่อมีเสมหะมากเกินไป การใช้ยาพ่นละลายเสมหะเป็นการรักษาที่สูดเข้าผ่านทางช่องปากหรือจมูกเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจโดยตรง ซึ่งยาพ่นละลายเสมหะถือเป็นประเภทของยาละลายเสมหะที่มีวิธีการใช้งานที่ง่ายและน่าสนใจมากๆเลยอย่างหนึ่ง ที่เหมาะสำหรับการใช้งานในเด็ก เนื่องจากเด็กจะไม่สามารถไอเสมหะออกมาเองได้ 4. ยาสมุนไพรละลายเสมหะ สำหรับ สมุนไพรช่วยละลายเสมหะ นั้นเป็นวิธีละลายเสมหะแบบธรรมชาติ ที่สามารถหาไปทั่วไปตามในครัว หรือในผัก ซึ่งสมุนไพรที่ช่วยในการละลายเสมหะนั้นมีหลายชนิดมาก ไม่ว่าจะเป็นกระเทียม+ขิงสด+น้ำอ้อยสด, กระเทียม+น้ำมะนาว+เกลือ หรือ กระเจี๊ยบแดง+น้ำตาล+เกลือ ซึ่งต้องบอกเลยว่าได้ผลในการละลายเสมหะได้เป็นอย่างดี และนอกจากนี้ก็ยังมีสมุนไพรอื่นอีกมากมายที่ช่วยละลายเสมหะ เรียกได้ว่าเป็นสมุนไพรที่หาได้ง่ายมากเลยล่ะ ประโยชน์ของการกินยาละลายเสมหะ 1. ช่วยละลายเสมหะ ขับเสมหะ ขึ้นชื่อว่าเป็นยาละลายเสมหะในลำคอ ก็ต้องมีสรรพคุณที่ช่วยในการละลายเสมหะอย่างแน่นอน ทำให้ผู้ที่มีเสมหะสะสมอยู่ในลำคอนั้น สามารถกลับมาใช้ชีวิคได้อย่างปกติ โดยไม่ต้องรำคาญเสมหะที่อยู่ในลำคอได้อีกครั้ง 2.