การ ประสม คำ
ความรู้ คัดลอกลิงค์ คัดลอกลิงค์ การประสมอักษร คืออะไร? วันนี้พบกันอีกแล้ว ประเด็นในวันนี้คือนั่นก็คือ การประสมอักษร การประสมอักษร นั้น คืออะไร มีความหมายอย่างไร แล้วการประสมอักษรนั้นมีกี่วิธี กี่แบบอะไรบ้าง เชิญไปรับความรู้กันเลย ความหมาย การประสมอักษร คือ การนำสระ พยัญชนะ และวรรณยุกต์มาประกอบเข้าด้วยกันเป็นพยางค์ โดยแต่ละพยางค์อาจมีความหมายสมบูรณ์เป็นคำก็ได้ หรืออาจไม่มีความหมายเป็นเพียงส่วนของคำ(พยางค์)ก็ได้ เช่น นา หมายถึง พื้นที่สำหรับการทำเกษตร ฬิ ไม่มีความหมาย กา หมายถึง ชื่อนกชนิดหนึ่ง การประสมอักษร ในภาษาไทยมี 4 วิธี ดังต่อไปนี้ 1. การประสมอักษรสามส่วน คือ การประกอบพยางค์ด้วยพยัญชนะต้น สระ และวรรณยุกต์ เช่น กา องค์ประกอบ คือ พยัญชนะ ก สระ อา วรรณยุกต์เสียงสามัญ ไม่มีรูป ตัวอย่างคำประสมสามส่วน หมา ผี พ่อ แม่ พี่ เสื้อ โล่ เพื่อ เผื่อ เป็นต้น 2. การประสมอักษรสี่ส่วน คือ การประสมพยางค์ด้วยพยัญชนะต้น สระ พยัญชนะท้ายพยางค์หรือ ตัวสะกด และวรรณยุกต์ เช่น เกิด องค์ประกอบ คือ พยัญชนะต้น ก สระ เออ วรรณยุกต์เสียงเอก ไม่มีรูป ตัวสะกด ด ตัวอย่างคำประสมสี่ส่วน น้ำ แมว มัด กราว ครัว เขา เมา ศาล เพียร กล อ้อย ข้าว กาว เป็นต้น 3.
- ความหมายและรูปแบบของการสร้างคำ คำมูล คำประสม คำซ้ำ คำซ้อน
- คำประสม | ภาษาไทยไม่ยากอย่างที่คิด...
- วิธีประสมอักษร - GotoKnow
- คำประสม – บทเรียนออนไลน์
- คำประสม - ห้องเรียนครูหยุ
- การประสมคํา คือ
ความหมายและรูปแบบของการสร้างคำ คำมูล คำประสม คำซ้ำ คำซ้อน
คำประสม | ภาษาไทยไม่ยากอย่างที่คิด...
นำคำไทยมาประสมกับภาษาอื่น เช่น คำไทย + คำเขมร เช่น ของขลัง นายตรวจ คำไทย + คำจีน เช่น กินโต๊ะ นายห้าง คำไทย + คำบาลี สันสกฤต เช่น รถไฟ แม่พิมพ์ คำไทย + คำภาษาอังกฤษ เช่น เรียงเบอร์ พวงหรีด 5. นำคำไทยมาประสมกับภาษาบาลีสันสกฤต หรือ คำเขมรและอ่านพยางค์ต่อเนื่องกันเหมือนคำสมาส เช่น ผลไม้ พลเมือง คุณค่า ทุนทรัพย์ ราชวัง ราชดำเนิน ทิวทัศน์ พลความ เทพเจ้า บางครั้งเมื่อคำ 2 คำขึ้นไปมารวมกันเป็นคำประสม ชนิดของคำประสมอาจแตกต่างไปจากชนิดของคำที่มารวมกัน ซึ่งสามารถ จำแนกได้ดังนี้ 1. คำประสมที่เป็นคำนาม เกิดจาก คำนาม+คำนาม เช่น ป่าไม้ น้ำใจ น้ำพริก นากุ้ง คำนาม+คำกริยา เช่น น้ำใช้ มีดพับ เรือจ้าง ผ้าไหว้ คำนาม+คำบุพบท เช่น บ้านนอก ของกลาง หมอนข้าง คำนาม+คำกริยา เช่น ห่อหมก กันสาด กันชน คำนาม+คำกริยา เช่น น้ำอัดลม ห้องรับแขก ไม้แขวนเสื้อ 2. คำประสมที่เป็นคำกริยา เกิดจาก คำกริยา+คำกริยา เช่น เรียงพิมพ์ ติดตั้ง เลือกตั้ง คำนาม+คำกริยา เช่น อกแตก ใจเสีย หัวหมุน คำกริยา+คำวิเศษณ์ เช่้น ปิดปาก ยิ้มหวาน บอกใบ้ 3. คำประสมที่เป็นคำวิเศษณ์ มีไม่มากนัก เช่น หลายใจนอกคอก คอแข็ง ใจดี ชั้นสูง ในใจ คำประสมที่เป็นคำนามนั้น คำต้น(คำหน้า) กับ คำเติม (คำขยาย) มักจะมีความสัมพันธ์กัน ดังนี้ 1.
วิธีประสมอักษร - GotoKnow
ความหมายอยู่ที่คำใดคำหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง คำอื่นหรือกลุ่มอื่นไม่ปรากฏความหมาย เช่น หน้าตา ปากคอ เท็จจริง ดีร้าย ผิดชอบ ขวัญหนีดีฝ่อ ถ้วยชามรามไห ๒. ความหมายอยู่ที่ทุกคำแต่เป็นความหมายที่กว้างออกไป เช่น เสื้อผ้า ไม่ได้หมายเฉพาะเสื้อกับผ้า แต่รวมถึงเครื่องนุ่งห่ม เรือแพ ไม่ได้หมายเฉพาะเรือกับแพ แต่รวมถึงยานพาหนะทางน้ำทั้งหมด ข้าวปลา ไม่ได้หมายเฉพาะข้าวกับปลา แต่รวมถึงอาหารทั่วไป ๓. ความหมายอยู่ที่คำต้นกับคำท้ายรวมกัน เช่น เคราะห์หามยามร้าย ( เคราะห์ร้าย) ชอบมาพากล (ชอบกล) ฤกษ์งามยามดี (ฤกษ์ดี) ยากดีมีจน (ยากจน) ๔. ความหมายอยู่ที่คำต้นหรือคำท้าย ซึ่งมีความหมายตรงข้ามกัน เช่น ชั่ว ดี (ชั่วดีอย่างไรเขาก็เป็นเพื่อนฉัน) ผิดชอบ (ความรับผิดชอบ) เท็จจริง (ข้อเท็จจริง) ____________________________________________________________________________________________________________________________________ คำประสม คำประสม คือ คำที่เกิดจากการนำคำมูลตั้งแต่ 2 คำขึ้นไป และมีความหมายต่างกันมาประสมกันเป็นคำใหม่คำมูลที่นำมาประสมกันอาจเป็นคำนาม สรรพนาม กริยา วิเศษณ์ และบุพบทก็ได้ หน้าที่ของคำประสม ๑. ทำหน้าที่เป็นนาม, สรรพนาม เช่น พ่อครัว พ่อบ้าน แม่พระ ลูกเสือ น้ำตก ช่างไม้ ชาวบ้าน เครื่องบิน หัวใจ นักการเมือง หมอตำแย ของเหลว ๒.
คำประสม – บทเรียนออนไลน์
- Formlabs form 2 ราคา
- คำประสม | ภาษาไทยไม่ยากอย่างที่คิด...
- คำประสม คำซ้ำ คำซ้อน - พี่ติวน้อง พิชิตภาษาไทย
- คำประสม - jupaporn58
- การประสมคํา ป.2
- แต่ง ขน น้อง ชาย
- มะ รอง กอง แกง
- การประสมคำ | สาระ ความรู้ ข่าวสาร ความบันเทิง ของชาวมัธยมศึกษา และประถมศึกษา : Knowledge for Thai Student | ThaiGoodView.com
- GB Vacation: พักบ้านกะรนบุรีรีสอร์ท จ.ภูเก็ต | ร้าน อาหาร หาด กะ รน pantipเนื้อหาที่เกี่ยวข้องล่าสุดทั้งหมด
คำประสม - ห้องเรียนครูหยุ
ลักษณะสำคัญของคำประสม ๑.. เกิดจากคำมูลตั้งแต่สองคำขึ้นไปมาประสมกัน แล้วเกิดความหมายใหม่แต่ยังมีเค้าความหมายเดิมอยู่เช่น พ่อตา หมายถึง พ่อของภรรยา พ่อ หมายถึง สามีของแม่ ตา หมายถึง พ่อของแม่ ลูกน้ำ หมายถึง ลูกของยุง ลูก หมายถึง บุตร น้ำ หมายถึง ของเหลว ๒. สามารถแยกเป็นคำๆได้ และคำที่แยกได้แต่ละคำมีความหมายต่างกัน เมื่อนำมารวมกันความหมายต่างจากคำเดิม เช่น แม่ หมายถึง หญิงผู้ให้กำเนิด บ้าน หมายถึงที่อยู่อาศัย แม่บ้าน หมายถึง หญิงผู้จัดการงานในบ้าน คอ หมายถึง ส่วนของร่างกายที่ต่อศีรษะกับตัว ห่าน หมายถึง ชื่อนกจำพวกเป็ด คอยาว คอห่าน หมายถึง ส่วนของโถส้วม ๓. คำที่มาประสมกันจะเป็นคำมูลในภาษาใดก็ได้ เช่น เข็มทิศ (ไทย + สันสกฤต) รถเก๋ง (บาลี + จีน) ห้องโชว์ (ไทย + อังกฤษ) ราชวัง (บาลี + ไทย) ปักษ์ใต้ (สันสกฤต + ไทย) โปรแกรมหนัง (อังกฤษ + ไทย) ๔. ประสมที่เกิดจากคำมูล ซึ่งมีลักษณะเป็นการย่อคำหลาย ๆ คำ ส่วนมากมักจะขึ้นต้นด้วยคำว่า นัก ชาว ช่าง หมอ การ ความ ผู้ ของ เครื่อง เช่น นัก นักร้อง นักเขียน นักเรียน นักสู้ ฯลฯ ชาว ชาวบ้าน ชาวเมือง ชาวนา ชาววัง ฯลฯ ช่าง ช่างไม้ ช่างเสริมสวย ช่างไฟฟ้า ฯลฯ หมอ หมอดู หมอความ หมอผี หมอนวด ฯลฯ การ การบ้าน การเมือง การไฟฟ้า การคลัง ฯลฯ ความ ความดี ความชั่ว ความสุข ความทุกข์ ฯลฯ ผู้ ผู้ใหญ่ ผู้ดี ผู้อำนวยการ ผู้น้อย ผู้ร้าย ฯลฯ ของ ของใช้ ของไหว้ ของเล่น ของชำร่วย ฯลฯ เครื่อง เครื่องหมาย เครื่องบิน เครื่องมือ ฯลฯ ที่ ที่นอน ที่ดิน ที่เขี่ยบุหรี่ ที่เที่ยว ที่พัก ฯลฯ ๕.
การประสมคํา คือ
คำกริยาประสมกับคำวิเศษณ์ เช่น ลงแดง ยินดี ถือดี ยิ้มหวาน สายหยุด ดูถูก ผัดเผ็ด ต้มจืด บานเย็น บานเช้า ๘. คำวิเศษณ์ประสมกับคำวิเศษณ์ เช่น หวานเย็น เขียนหวาน เปรี้ยวหวาน คำขำ คมขำ คมคาย การพิจารณาคำประสม คำประสมมีลักษณะเป็นกลุ่มคำหรือวลี การพิจารณากลุ่มคำใด ๆ ว่าเป็นคำประสมหรือไม่นั้น สามารถพิจารณาได้จากลักษณะต่อไปนี้ ๑. พิจารณาลักษณะการเรียงคำและความหมาย คำประสมจะเรียงคำหลักไว้ข้างหน้า คำที่เป็นเชิงขยายจะเรียงไว้ข้างหน้า ความหมายที่เกิดขึ้นจะเป็นความหมายใหม่ โดยมีเค้าความหมายเดิมอยู่ เช่น ลูกน้ำ หมายถึง ลูกยุง เป็นคำประสม ไฟฟ้า หมายถึง พลังงานชนิดหนึ่ง เป็นคำประสม เบี้ยล่าง หมายถึง เสียเปรียบ เป็นคำประสม ยิงฟัน หมายถึง การเผยอริมฝีปากให้เห็นฟัน เป็นคำประสม แต่ถ้าหมายถึงการทำร้ายหรือยิงฟัน ( ฟัน = อวัยวะ) ก็ไม่เป็นคำประสม เป็นเพียงวลีธรรมดา เพราะถึงแม้จะเรียงคำเหมือนกันก็ตาม แต่ความหมายไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป เว้นจังหวะ หมายถึง การหยุดไว้ระยะ ไม่เป็นคำประสม คนหนึ่ง หมายถึง คน ๆ เดียว ไม่เป็นคำประสม ๒. พิจารณาจากลักษณนาม ที่ใช้กับคำที่สงสัยว่าจะเป็นคำประสมหรือไม่โดยลองแยกดูว่า คำลักษณนามนั้นเป็นลักษณนามของทั้งสองคำร่วมกันหรือเป็นของคำหนึ่งคำใดโดยเฉพาะ ถ้าเป็นลักษณนามของทั้งสองคำร่วมกัน กลุ่มคำนั้นก็เป็นคำประสม แต่ถ้าเป็นของคำหนึ่งคำใดโดยเฉพาะ กลุ่มคำนั้นก็ไม่เป็นคำประสมเช่น ลูกตา คน นี้เสียแล้ว คำว่า ลูกตา ไม่เป็นคำประสม พิจารณาจากลักษณนาม " คน " เป็นลักษณะนามของตา ซึ่งเป็นคน ลูกตา ข้าง นี้เสียแล้วคำว่าลูกตา เป็นคำประสม พิจารณาจากลักษณะนาม " ข้าง " เป็นลักษณะนามลูกตา ( อวัยวะ) รถเจ๊ก คน นี้เก่ามากคำว่ารถเจ๊ก ไม่เป็นคำประสม รถเจ๊ก คันนี้เก่ามาก คำว่ารถเจ๊ก เป็นคำประสม ๓.
![การประสมคําภาษาอังกฤษ](https://i.ytimg.com/vi/IsQ-BgWEs_E/hqdefault.jpg)
๒ คำประสมที่เป็นคำนาม คำกริยา คำวิเศษณ์ ไม่จำเป็นว่าคำแรกจะต้องเป็นคำนาม คำกริยา และวิเศษณ์เสมอไป เช่น คำแรกเป็นคำกริยา คำตามเป็นคำนาม รอเท้า บังตา ยกทรง คำแรกเป็นคำกริยา คำตามเป็นคำกริยา ต้มยำ กันสาด ห่อหมก ๓. ๓ คำประสมจำนวนมากมีคำแรกซ้ำกันถือเป็นคำสั่ง คำตั้งเหล่านี้มีคำต่าง ๆ มาช่วยเสริมความหมาย เช่น อาหาร ขนม ขนมหวาน ขนมถ้วยฟู ขนมครก ขนมไข่ แกง แกงส้ม แกงเผ็ด แกงเขียวหวาน ไข่ ไข่เค็ม ไข่ดาว ไข่ยัดไส้ ไข่กระทะ กิจกรรม ทำ ทำครัว ทำบุญ ทำการบ้าน ทำเวร ทำงาน วิ่ง วิ่งเปรี้ยว วิ่งผลัด วิ่งเร็ว วิ่งทน วิ่งวิบาก จัด จัดซื้อ จัดการ จัดสรร จัดจ้าง จัดทำ อุปนิสัยหรือลักษณะ หัว หัวหมอ หัวขี้เลื่อย หัวขโมย หัวก้าวหน้า ขี้ ขี้กลัว ขี้ขลาด ขี้คุย ขี้ขโมย ขี้โมโห ใจ ใจแคบ ใจใหญ่ ใจร้อน ใจซื่อ ใจร้าย ๓. ๔ คำประสมจำนวนมากมักมีความหมายในเชิงอุปมา เช่น หัวอ่อน หมายถึง ว่าง่าย สอนง่าย ปากมาก หมายถึง ชอบว่าคนอื่นซ้ำ ๆ ซาก ๆ หักหนเา หมายถึง ทำหรือพูดโดยเจตนาให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความอับอาย ไก่อ่อน หมายถึง คนที่มีประสบการณ์น้อย ยังรู้ไม่เท่าทันเลห์เหลี่ยมของคนอื่น ตีนแมว หมายถึง ผู้ร้าย ขโมยที่ย่องได้เบาราวกับแมว หัวเรือใหญ่ หมายถึง ผู้จัดการทุกอย่างให้ผู้อื่นด้วยตนเอง หน้าบาง หมายถึง มีความรู้สึกไวต่อสิ่งที่น่าละอาย ตาขาว หมายถึง แสดงอาการขลาดกลัว ปากตลาด หมายถึง ถ้วยคำที่โจษ หรือเล่าลือกัน หน้าม้า หมายถึง ผู้ที่ทำเลห์เหลี่ยมเป็นเหมือนคนซื่อเพื่อจูงใจให้คนอื่นหลงเชื่อ ๓.